ธาตุ AU คืออะไร ทองคำ หรือ Au เป็นธาตุเคมีที่มีความสำคัญมาอย่างยาวนานในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ ด้วยคุณสมบัติทางกายภาพและเคมีที่โดดเด่น ทำให้ทองคำมีบทบาทสำคัญในหลากหลายด้าน ตั้งแต่การเป็นเครื่องประดับ สื่อกลางในการแลกเปลี่ยน ไปจนถึงการใช้งานในอุตสาหกรรมสมัยใหม่ บทความนี้จะนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับทองคำ ครอบคลุมตั้งแต่คุณสมบัติทางกายภาพและเคมี ประวัติศาสตร์ การเกิดและการกระจายตัวในธรรมชาติ ตลอดจนการใช้งานในด้านต่างๆ คุณสมบัติพื้นฐาน ทองคำเป็นธาตุในกลุ่มโลหะทรานซิชัน (Transition metals) มีสัญลักษณ์ทางเคมีคือ Au ซึ่งมาจากคำว่า “Aurum” ในภาษาละติน หมายถึง “รุ่งอรุณ” หรือ “แสงสว่าง” ทองคำมีเลขอะตอม 79 และมวลอะตอม 196.96657 u ตำแหน่งในตารางธาตุ: คาบ (Period): 6 หมู่ (Group): 11 บล็อก (Block): d การจัดเรียงอิเล็กตรอน: [Xe] 4f¹⁴ 5d¹⁰ 6s¹ คุณสมบัติทางกายภาพ ทองคำมีคุณสมบัติทางกายภาพที่โดดเด่นหลายประการ ซึ่งทำให้มันเป็นที่นิยมในการใช้งานหลากหลายด้าน: สี และความมันวาว: …………..อ่านเนื้อหากันเลย
Category Archives: Gold Article
ทองคำบริสุทธิ์ คืออะไร ทองคำ หรือ Au เป็นธาตุเคมีที่มีสัญลักษณ์ Au (มาจากภาษาละติน aurum) และเลขอะตอม 79 ในรูปบริสุทธิ์ ทองคำเป็นโลหะสีเหลืองอมส้มเล็กน้อย มีความหนาแน่นสูง อ่อนนุ่ม มีความเหนียว และสามารถดึงเป็นเส้นได้ดี ในทางเคมี ทองคำเป็นโลหะทรานซิชัน อยู่ในกลุ่ม 11 และเป็นหนึ่งในโลหะมีตระกูล ทองคำเป็นหนึ่งในธาตุที่มีปฏิกิริยาเคมีน้อยที่สุด โดยอยู่ในอันดับที่สองในชุดปฏิกิริยา และมีสถานะเป็นของแข็งภายใต้สภาวะมาตรฐาน คุณสมบัติทางกายภาพ ทองคำมีคุณสมบัติทางกายภาพที่โดดเด่นหลายประการ: ความเหนียวและความยืดหยุ่น: ทองคำเป็นโลหะที่มีความเหนียวมากที่สุด สามารถดึงเป็นเส้นลวดขนาดอะตอมเดียวได้ และยืดได้มากก่อนที่จะขาด ทองคำสามารถตีเป็นแผ่นบางได้ถึง 0.1 ไมครอน หรือประมาณ 1/500 ของความหนาของเส้นผมมนุษย์ ความหนาแน่น: ทองคำมีความหนาแน่น 19.3 g/cm³ ที่ 20°C ซึ่งใกล้เคียงกับทังสเตนที่ 19.25 g/cm³ ความหนาแน่นสูงนี้ทำให้ทองคำเป็นหนึ่งในโลหะที่หนักที่สุด จุดหลอมเหลวและจุดเดือด: จุดหลอมเหลว: 1337.33 K (1064.18°C, 1947.52°F) จุดเดือด: 3243 …………..อ่านเนื้อหากันเลย
การสกัดทองคืออะไร การสกัดทอง หมายถึง กระบวนการแยกทองคำออกจากวัสดุอื่นๆ ที่ปนอยู่ด้วย เพื่อให้ได้ทองคำบริสุทธิ์ การสกัดทองเป็นขั้นตอนสำคัญในอุตสาหกรรมเหมืองแร่และการรีไซเคิลทองคำ โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือการแยกทองคำออกจากสิ่งเจือปนและทำให้บริสุทธิ์ กระบวนการใช้กรดหรือสารละลายกรดในการละลายทองคำออกจากวัสดุที่มีทองคำเป็นส่วนประกอบ วิธีนี้อาศัยหลักการทางเคมีที่ว่า ทองคำสามารถละลายได้ในสารละลายที่มีคุณสมบัติเป็นตัวออกซิไดซ์ (oxidizing agent) และตัวสร้างเชิงซ้อน (complexing agent) ที่เหมาะสม กรดที่นิยมใช้ในการสกัดทองมีหลายชนิด แต่ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายที่สุดคือ “น้ำยาอควา เรเจีย” (Aqua regia) ซึ่งเป็นส่วนผสมของกรดไนตริกและกรดไฮโดรคลอริก นอกจากนี้ยังมีการใช้กรดชนิดอื่นๆ หรือส่วนผสมของกรดในการสกัดทองด้วย เช่น กรดไฮโดรคลอริกผสมคลอรีน หรือกรดซัลฟูริกผสมไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ กระบวนการสกัดทองโดยทั่วไปประกอบด้วยขั้นตอนหลักๆ ดังนี้ 1. การเตรียมวัตถุดิบ: การบดหรือย่อยวัสดุที่มีทองคำให้มีขนาดเล็กลง 2. การละลายทองคำ: การใช้สารเคมีเพื่อละลายทองคำออกจากวัสดุอื่นๆ 3. การแยกทองคำ: การแยกสารละลายที่มีทองคำออกจากกากที่เหลือ 4. การตกตะกอนทองคำ: การทำให้ทองคำในสารละลายตกตะกอนออกมา 5. การทำให้บริสุทธิ์: การกำจัดสิ่งเจือปนที่เหลืออยู่เพื่อให้ได้ทองคำบริสุทธิ์ การสกัดทองสามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับลักษณะของวัตถุดิบและเทคโนโลยีที่ใช้ วิธีที่นิยมใช้ ได้แก่ การใช้ไซยาไนด์ การใช้ปรอท และการใช้กรด ซึ่งแต่ละวิธีมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป ข้อดีของการใช้กรดสกัดทอง …………..อ่านเนื้อหากันเลย
การแยกทองออกจากทองเหลือง ทองและทองเหลืองเป็นโลหะที่มีลักษณะภายนอกคล้ายคลึงกัน แต่มีคุณค่าและคุณสมบัติที่แตกต่างกันอย่างมาก การแยกทองออกจากทองเหลืองจึงเป็นกระบวนการสำคัญในอุตสาหกรรมโลหะมีค่าและการรีไซเคิล บทความนี้จะอธิบายถึงวิธีการแยกทองออกจากทองเหลือง ตั้งแต่การตรวจสอบเบื้องต้นไปจนถึงกระบวนการทางเคมีที่ซับซ้อน ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับทองและทองเหลือง ก่อนที่จะเข้าสู่วิธีการแยกทองออกจากทองเหลือง เราควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับคุณสมบัติพื้นฐานของทั้งสองโลหะนี้ก่อน ทอง (Gold) สัญลักษณ์ทางเคมี: Au ความหนาแน่น: 19.32 g/cm³ จุดหลอมเหลว: 1,064°C (1,947°F) คุณสมบัติ: นิ่ม เหนียว ไม่ทำปฏิกิริยากับอากาศหรือสารเคมีส่วนใหญ่ สี: เหลืองทอง ทองเหลือง (Brass) ส่วนผสม: ทองแดง (Cu) + สังกะสี (Zn) ในอัตราส่วนต่างๆ ความหนาแน่น: ประมาณ 8.4-8.7 g/cm³ (ขึ้นอยู่กับส่วนผสม) จุดหลอมเหลว: 900-940°C (1,652-1,724°F) โดยประมาณ คุณสมบัติ: แข็งแรง ทนทานต่อการกัดกร่อน นำความร้อนและไฟฟ้าได้ดี สี: เหลืองอ่อนถึงแดงทอง (ขึ้นอยู่กับส่วนผสม) การตรวจสอบเบื้องต้น ก่อนที่จะดำเนินการแยกทองออกจากทองเหลือง เราควรทำการตรวจสอบเบื้องต้นเพื่อยืนยันว่าชิ้นงานที่เรามีนั้นเป็นทองจริงหรือเป็นเพียงทองเหลือง วิธีการตรวจสอบมีดังนี้: 1. …………..อ่านเนื้อหากันเลย
แร่ทองคำ คืออะไร แร่ทองคำเป็นชนิดของแร่ที่มีทองคำเป็นส่วนประกอบสำคัญ ทองคำ (Au) เป็นธาตุเคมีที่มีเลขอะตอม 79 และเป็นโลหะมีค่า ที่มนุษย์รู้จักและใช้ประโยชน์มาอย่างยาวนานในประวัติศาสตร์ ทองคำเป็นที่ต้องการอย่างมากเนื่องจากคุณสมบัติที่โดดเด่นหลายประการ ได้แก่ ความหายาก: ทองคำเป็นธาตุที่พบได้น้อยในเปลือกโลก ทำให้มีมูลค่าสูง ความสวยงาม: สีเหลืองทองและความเงางามทำให้ทองคำเป็นที่นิยมในการทำเครื่องประดับ ความทนทาน: ทองคำไม่เกิดสนิมหรือหมองง่าย ทำให้เหมาะสำหรับการเก็บรักษาระยะยาว การนำไฟฟ้า: ทองคำเป็นตัวนำไฟฟ้าที่ดีเยี่ยม จึงมีประโยชน์ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ความเหนียวและยืดหยุ่น: ทองคำสามารถตีแผ่เป็นแผ่นบางหรือดึงเป็นเส้นลวดได้โดยไม่แตกหัก ปริมาณทองคำในแร่มีความแตกต่างกันอย่างมาก ตั้งแต่ไม่กี่กรัมไปจนถึงหลายออนซ์ต่อตัน โดยทั่วไป แร่ที่มีปริมาณทองคำมากกว่า 1 กรัมต่อตันถือว่ามีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจในการทำเหมือง อย่างไรก็ตาม ความคุ้มค่าในการทำเหมืองยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ เช่น ราคาทองคำในตลาดโลก ต้นทุนการทำเหมือง และเทคโนโลยีที่ใช้ในการสกัด แร่ทองคำมีความสำคัญทางเศรษฐกิจอย่างมาก เนื่องจากทองคำถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเงินและการลงทุนมาอย่างยาวนาน นอกจากนี้ ในปัจจุบันทองคำยังมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อิเล็กทรอนิกส์ การแพทย์ และเทคโนโลยีอวกาศ ลักษณะของแร่ทองคำ แร่ทองคำมีลักษณะทางกายภาพและเคมีที่โดดเด่นหลายประการ ลักษณะเหมืองแร่ทองคำ1. สีและความมันวาว: แร่ทองคำมีสีเหลืองสว่างเป็นเอกลักษณ์ และมีความมันวาวสูง สีของทองคำเกิดจากการดูดกลืนแสงสีน้ำเงินของอิเล็กตรอนอิสระบนพื้นผิว ทำให้แสงที่สะท้อนออกมามีสีเหลืองทอง ความมันวาวของทองคำเป็นลักษณะเฉพาะที่ทำให้มันแตกต่างจากแร่อื่นๆ 2. ความหนาแน่น: …………..อ่านเนื้อหากันเลย
การสกัดทองด้วยวิธีตกตะกอน การสกัดทองด้วยวิธีตกตะกอนเป็นกระบวนการสำคัญในการแยกทองคำบริสุทธิ์ออกจากสารละลายที่มีทองคำละลายอยู่ วิธีนี้มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ และการรีไซเคิลทองคำจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ บทความนี้จะอธิบายถึงกระบวนการสกัดทองด้วยวิธีตกตะกอน ขั้นตอนการทำ และข้อควรระวังต่างๆ หลักการของการสกัดทองด้วยวิธีตกตะกอน การสกัดทองด้วยวิธีตกตะกอนอาศัยหลักการทางเคมีที่เรียกว่า “ปฏิกิริยารีดักชัน” (Reduction reaction) ซึ่งเป็นกระบวนการที่ทำให้ไอออนของทองคำในสารละลายกลายเป็นอนุภาคของทองคำบริสุทธิ์ โดยการเติมสารรีดิวซ์ (Reducing agent) ลงไปในสารละลาย สารรีดิวซ์ที่นิยมใช้ในการสกัดทองมีหลายชนิด แต่ละชนิดมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป ตัวอย่างของสารรีดิวซ์ที่ใช้บ่อย ได้แก่ โซเดียมเมตาไบซัลไฟต์ (Sodium metabisulfite) ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (Sulfur dioxide) ออกซาลิกแอซิด (Oxalic acid) โซเดียมไนไตรต์ (Sodium nitrite) ไฮดรอกซิลามีนไฮโดรคลอไรด์ (Hydroxylamine hydrochloride) ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) การเลือกใช้สารรีดิวซ์ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ความบริสุทธิ์ของทองคำที่ต้องการ ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และต้นทุนในการดำเนินการ ขั้นตอนการสกัดทองด้วยวิธีตกตะกอน การสกัดทองด้วยวิธีตกตะกอนมีขั้นตอนหลักๆ ดังนี้ 1. การเตรียมสารละลายทองคำ 2. การปรับสภาพสารละลาย 3. การเติมสารรีดิวซ์ 4. การแยกตะกอนทองคำ 5. …………..อ่านเนื้อหากันเลย