Balanced Scorecard คืออะไร Balanced Scorecard (BSC) คือ เครื่องมือในการวางแผนกลยุทธ์และวัดผลที่ใช้ในการจัดการธุรกิจ ซึ่งได้ถูกพัฒนาขึ้นโดย Dr. Robert Kaplan และ Dr. David Norton ในปี ค.ศ. 1992 เป็นการวางแผนและกำหนดเป้าหมายการดำเนินธุรกิจโดยมีการใช้ตัวชี้วัดที่หลากหลาย เพื่อให้เกิดการสมดุลในการดำเนินธุรกิจ โดยมุ่งเน้นการวัดผลจากหลายมุมมอง เช่น การเงิน การบริหารความรู้ การพัฒนาบุคลากร และความพึงพอใจของลูกค้า เพื่อให้ผู้บริหารสามารถปรับปรุงและพัฒนาธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ คำว่า Balanced Scorecard (BSC) เป็นเทคนิควิธีในการประเมินประสิทธิภาพขององค์กรใช้ในการวัดผล และให้ข้อเสนอแนะแก่องค์กร ดัชนีชี้วัดแบบสมดุลเป็นเรื่องปกติของบริษัทต่างๆ ในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น และยุโรป การรวบรวมข้อมูลมีความสำคัญต่อการให้ผลลัพธ์เชิงปริมาณ ผู้จัดการและผู้บริหารสามารถรวบรวมข้อมูลบุคลากรภายในบริษัท และใช้ข้อมูลนี้ในการตัดสินใจที่ดีขึ้นสำหรับอนาคตขององค์กรของตน อ่านว่าอะไร คำว่า Balanced Scorecard อ่านว่า “แบลนซ์ สกอร์การ์ด” โดยแต่ละคำมีความหมายดังนี้ Balanced หมายถึง การสมดุล หรือการใช้ตัวชี้วัดที่สมดุลกัน Scorecard หมายถึง …………..อ่านเนื้อหากันเลย
Category Archives: academic
Systemes Thinking คืออะไร การคิดเชิงระบบเป็นวิธีการแบบองค์รวมในการวิเคราะห์ที่มุ่งเน้นไปที่วิธีการที่ส่วนประกอบของระบบ สัมพันธ์กันและวิธีการทำงานของระบบเมื่อเวลาผ่านไปและภายในบริบทของระบบที่ใหญ่ขึ้น การคิดเชิงระบบเกิดขึ้นในปี 1956 เมื่อศาสตราจารย์ Jay Forrester ก่อตั้ง Systems Dynamic Group ที่ Sloan School of Management ของ MIT วิธีการคิดเชิงระบบนั้นตรงกันข้ามกับการวิเคราะห์แบบดั้งเดิม ซึ่งศึกษาระบบโดยแบ่งมันออกเป็นองค์ประกอบที่แยกจากกัน การคิดเชิงระบบสามารถนำไปใช้ในสาขาใดก็ได้ของการวิจัย และถูกนำไปใช้กับการศึกษาทางการแพทย์ สิ่งแวดล้อม การเมือง เศรษฐกิจ ทรัพยากรมนุษย์ และระบบการศึกษา ความคิดเชิงระบบ พฤติกรรมของระบบเป็นผลมาจากผลกระทบของกระบวนการเสริมกำลังและสมดุล กระบวนการเสริมกำลังนำไปสู่การเพิ่มส่วนประกอบของระบบบางอย่าง หากการเสริมแรงไม่ถูกตรวจสอบโดยกระบวนการสมดุล อาจจะนำไปสู่การพังทลายในที่สุด กระบวนการปรับสมดุลเป็นกระบวนการที่มีแนวโน้มที่จะรักษาสมดุลในระบบใดระบบหนึ่ง การให้ความสำคัญกับการแสดงความคิดเห็นหรือคำติชมเป็นองค์ประกอบสำคัญของการคิดเชิงระบบ ตัวอย่างเช่น ในการจัดการโครงการ ภูมิปัญญาที่แพร่หลายอาจกำหนดให้เพิ่มคนงานในโครงการที่ล้าหลัง ในทางปฏิบัติ กลยุทธ์ดังกล่าวอาจทำให้การพัฒนาช้าลงในอดีต การให้ความสนใจกับคำติชมที่เกี่ยวข้องนั้นช่วยให้ฝ่ายบริหารมองหาแนวทางแก้ไขอื่นแทนที่จะเสียทรัพยากรไปกับแนวทางที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่เกิดผล การจำลองด้วยคอมพิวเตอร์ จากไดอะแกรมและกราฟต่างๆ เพื่อจำลอง แสดงตัวอย่าง และทำนายพฤติกรรมของระบบ เครื่องมือคิดเชิงระบบ ได้แก่ กราฟพฤติกรรมเมื่อเวลาผ่านไป (BOT) ซึ่งระบุการกระทำของตัวแปรตั้งแต่หนึ่งตัวขึ้นไปในช่วงเวลาหนึ่ง แผนภาพวงกลมเชิงสาเหตุ (CLD) …………..อ่านเนื้อหากันเลย
Positive Deviance คืออะไร Positive Deviance คือ วิธีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหรือสังคม เพื่อแก้ไขปัญหาหรือสิ่งที่ไม่ พึงประสงค์ในชุมชนหรือองค์กร โดยอาศัยการสังเกตว่าในชุมชนใดๆ จะมีคนคนใดคนหนึ่งหรือกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง (เรียกว่า Positive Deviants) ซึ่งมีความแตกต่างจากคนอื่น โดยการสำรวจและค้นหาคนหรือกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบน้อยหรือไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหานั้น แต่มีพฤติกรรมหรือวิธีการใน การแก้ปัญหาที่ดีกว่าหรือเหมาะสมกับสถานการณ์ เรียกว่า “Positive Deviants” หรือ “ผู้ประพฤติดีในแง่บวก” การตรวจสอบและเรียนรู้จาก Positive Deviants จะช่วยให้สามารถสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาและวิธีการแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถใช้สิ่งที่เรียนรู้ได้เพื่อแก้ไขปัญหาที่คล้ายคลึงกันในชุมชนหรือองค์กรอื่น ๆ อีกด้วย แนวทางการปรับปรุงตามสินทรัพย์ หัวใจหลักคือความเชื่อที่ว่าวิธีแก้ไขปัญหามีอยู่แล้วภายในชุมชน การทำความเข้าใจ และแบ่งปันวิธีแก้ปัญหาเหล่านี้จะช่วยให้สามารถปรับปรุงในระดับต่างๆ ได้ มีต้นกำเนิดในหน่วยงานสาธารณสุขระหว่างประเทศในทศวรรษที่ 1960 ปัจจุบันวิธีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหรือสังคม ในเชิงบวกมีการปรับตัวบางอย่าง ทำให้เห็นการประยุกต์ใช้ที่เพิ่มขึ้นในด้านการดูแลสุขภาพ Positive Deviance เป็นวิธีการที่วิเคราะห์พฤติกรรมหรือความเชื่อเฉพาะของกลุ่มเพื่อทำให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ ผู้คนในองค์กรหรือชุมชนที่แสดงพฤติกรรมหรือความเชื่อที่ไม่เป็นทางการ เรียกว่า “คนนอกคอก” นักจิตวิทยาองค์กร นักสังคมวิทยา และผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์การจัดการอาจศึกษาการกระทำของผู้ที่มีพฤติกรรมเชิงบวกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กร การปรับปรุงสุขภาพหรือสภาพความเป็นอยู่ในชุมชน หรือพัฒนาโปรแกรมการฝึกอบรมใหม่สำหรับพนักงาน ตัวอย่างเช่น โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเครือข่ายการรักษาพยาบาลอาจมีอัตราภาวะแทรกซ้อนของผู้ป่วยหลังการผ่าตัดต่ำกว่าโรงพยาบาลทั่วไปสำหรับเครือข่ายนั้น โรงพยาบาลนั้นมีผู้ป่วยพฤติกรรมเชิงบวกในกลุ่ม เพื่อลดอัตราภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัดทั่วทั้งเครือข่ายของโรงพยาบาล ผู้ดูแลระบบของเครือข่ายอาจจ้างที่ปรึกษาเพื่อเยี่ยมชมโรงพยาบาล ตรวจสอบกระบวนการของเจ้าหน้าที่ และพูดคุยกับผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่เพื่อทำความเข้าใจ …………..อ่านเนื้อหากันเลย
Theory U คืออะไร ทฤษฎีตัว U เป็นทฤษฎีว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงภายในที่เกิดจากการใคร่ครวญภายในจิตใจ เมื่อรับรู้ สิ่งใดมาอย่าพึ่งรีบตัดสินใจให้แขวนความรู้นั้นไว้ก่อน อย่าพึ่งใจร้อนด่วนตัดสินและนำมาพินิจพิจารณา สงบ และมีสติ แล้วก็จะเกิดปัญญา วิธีการจัดการการเปลี่ยนแปลงโดย Otto Scharmer กับเพื่อนร่วมงานที่ MIT ได้ทำการสัมภาษณ์ ผู้ประกอบการและนักประดิษฐ์ในด้านวิทยาศาสตร์ ธุรกิจ และสังคม จำนวน 150 ครั้ง จากนั้นขยายหลักการพื้นฐานไปสู่ทฤษฎีการเรียนรู้และการจัดการ หลักการของทฤษฎี U ได้รับการเสนอแนะเพื่อช่วยให้ผู้นำทางการเมือง ข้าราชการ และผู้จัดการ ผสมผสานการคิดเชิงระบบ จากมุมมองของจิตสำนึกของมนุษย์ที่กำลังพัฒนา จากการวิจัยเชิงปฏิบัติการและการเรียนรู้โดยการลงมือทำของสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) ทฤษฎี U ได้พัฒนามากกว่าสองทศวรรษของการทดลองและปรับปรุงโดยผู้ปฏิบัติงานทั่วโลก ผู้คิดค้น Theory U ผู้เขียนแนวคิดทฤษฎี U เป็นกระบวนการหรือการเดินทาง ซึ่งอธิบายได้อีกอย่างว่าการเปลี่ยนแปลงตามที่ระบุในแผนภาพ (ซึ่งมีหลายตัวแปร) หัวใจสำคัญของทฤษฎี “U” คือการแสดงตน การสัมผัส + การมีอยู่ Otto Scharmer นักคิดชาวเยอรมันที่ศึกษาทางด้านเศรษฐศาสตร์และการจัดการ แต่ภายหลังหันมา …………..อ่านเนื้อหากันเลย
Abenomics คืออะไร Abenomics (อาเบะโนมิกส์) หมายถึง นโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลญี่ปุ่นที่นำโดย Liberal Democratic Party (LDP) ตั้งแต่การเลือกตั้งทั่วไปในเดือนธันวาคม 2555 ตั้งชื่อตาม ชินโซ อาเบะ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นสมัยที่สอง ระหว่างปี พ.ศ. 2555 ถึง พ.ศ. 2563 อาเบะเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น หลังจากอาเบะลาออกในเดือนกันยายน พ.ศ. 2563 โยชิฮิเดะ ซูงะ ผู้สืบทอดตำแหน่งขได้กล่าวว่า ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะมุ่งเน้นไปที่การสานต่อนโยบายและเป้าหมายของรัฐบาลอาเบะ รวมถึงชุดนโยบายเศรษฐกิจของอาเบะโนมิกส์ด้วย Abenomics การใช้นโยบายเศรษฐกิจทั้ง 3 ด้าน หรือ “ลูกศรสามดอก” คือ การผ่อนคลายทางการเงินจากธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น การกระตุ้นทางการคลังผ่านการใช้จ่ายของรัฐบาล และการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ เป็นการสะท้อน การใช้จ่ายของรัฐบาล และกลยุทธ์การเติบโตที่สร้างขึ้นมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีความสามารถในการแข่งขันกับนานาประเทศ ในช่วงที่อาเบะดำรงตำแหน่ง อัตราการเติบโตของ GDP ที่เคยเติบโตเพียงเล็กน้อยกลับกลายเป็นเพิ่มสูงขึ้น และอัตราส่วนของหนี้ภาครัฐเมื่อเทียบกับรายได้ประชาชาติก็ทรงตัวเป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษ “ลูกศรสามดอก” ในการปฏิรูปเชิงโครงสร้างอาจจะไม่ได้ผลตามที่คาดหวังไว้ แผนการเศรษฐกิจของรัฐบาลญี่ปุ่นภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ (Shinzo …………..อ่านเนื้อหากันเลย
หลักการพาเรโต คืออะไร หลักการพาเรโต (Pareto Principle) หรือ กฎ 80/20 (80/20 rule) เป็นหลักการที่เกี่ยวข้องกับการจัดสรรทรัพยากร 80% ของผลผลิตหรือผลลัพธ์เกิดจาก 20% ของแรงงานหรือทรัพยากรในการผลิต หรือ 80% ของผลประโยชน์เกิดจาก 20% ของส่วนที่ใช้ในการผลิต หลักการที่อธิบายประชากรในกลุ่มหนึ่งจะแบ่งออกเป็นสองส่วน โดยมีส่วนน้อยสุดที่สำคัญมาก และส่วนมากที่ไม่สำคัญน้อยกว่า ตั้งชื่อตามชื่อวิทยาศาสตร์จากชาวอิตาลีชื่อว่า Vilfredo Pareto ผู้ศึกษาสังคมวิทยาที่ได้รับการยกย่องเรื่องการวิเคราะห์ปัญหาทางสังคม Vilfredo Pareto นักเศรษฐศาสตร์ชาวอิตาลีในปี ค.ศ. 1896 พบว่า 80% ของทรัพยากรในประเทศถูกครอบครองโดย 20% ของประชากรที่รวย หลักการพาเรโตจึงเป็นการอธิบายว่า 20% ของปัจจัยที่สำคัญสามารถสร้างผลผลิตหรือผลลัพธ์ 80% ของผลลัพธ์ เรื่องสำคัญที่นักธุรกิจและผู้บริหารใช้ในการวางแผนกลยุทธ์และการจัดการทรัพยากรขององค์กร การใช้หลักการพาเรโต การวางแผนการผลิต การวางแผนการขาย การวางแผนการเลือกตั้ง การวางแผนการจัดการเวลา โดยใช้หลักการพาเรโตเป็นเครื่องมือช่วยวิเคราะห์และวางแผนการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น วิลฟรีด ฟริตซ์ ปาเรโต สัญชาติ อิตาลี …………..อ่านเนื้อหากันเลย
ทฤษฎีการเงินของเคนส์ คืออะไร ทฤษฎีการเงินของเคนส์ (John Maynard Keynes) คือ เป็นทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ที่ให้ความสำคัญกับการใช้จ่ายของรัฐบาลในการสร้างงานและเพิ่มการใช้จ่ายของผู้บริโภค เพื่อสร้างความเจริญพันธุ์ในเศรษฐกิจ การใช้เงินของรัฐบาลเพื่อสนับสนุนในการลงทุนและการบริโภคนี้จะช่วยส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะสั้นและสร้างความเจริญพันธุ์ในระยะยาว นอกจากนี้ ทฤษฎีการเงินของเคนส์ยังเน้นความสำคัญของการเพิ่มรายได้ให้กับชนกลุ่มยากจนและกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก ซึ่งจะช่วยเพิ่มการบริโภคและเพิ่มเงินลงทุนในตลาด และการเพิ่มการจ้างงานเป็นหนึ่งในผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากนโยบายการใช้จ่ายของรัฐบาลนี้ นั่นคือเมื่อรัฐบาลใช้เงินในการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ทางหลวง สะพาน รถไฟฟ้า ฯลฯ จะส่งผลให้มีงานที่เพิ่มขึ้น และสร้างโอกาสให้กับประชาชนในการทำงาน ซึ่งจะช่วยลดอัตราการว่างงานในสังคมและเพิ่มรายได้ของประชาชนในช่วงระยะยาว ดังนั้น การใช้ทฤษฎีการเงินของเคนส์สามารถส่งผลกระทบต่อการจัดการเศรษฐกิจของรัฐบาลได้ในหลายแง่มุม… ไม่ว่าจะเป็นการจัดการเงินและการเงินที่ปลอดภัย การเพิ่มความสามารถในการควบคุมอัตราแลกเปลี่ยน การวางแผนการเงินในระยะยาว และการบริหารจัดการเงินรัฐบาล ทั้งนี้ เนื่องจากการใช้ทฤษฎีการเงินของเคนส์จะเกี่ยวข้องกับการใช้เงินของรัฐบาลในการสนับสนุนเศรษฐกิจ เพื่อสร้างงานและเพิ่มการใช้จ่ายของผู้บริโภค ทฤษฎีการเงินของเคนส์ยังมีก็มีข้อจำกัดและเสียดสีเช่นกัน ซึ่งบางครั้งการใช้เงินของรัฐบาลอาจทำให้เกิดการเพิ่มหนี้สาธารณะและส่งผลให้เกิดความไม่มั่นคงในเศรษฐกิจ และการใช้นโยบายการเงินของรัฐบาลในส่วนหนึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาว และความสำคัญของการใช้ทฤษฎีการเงินของเคนส์ยังคงมีอยู่ในการจัดการเศรษฐกิจในปัจจุบันอย่างกว้างขวาง เนื่องจากตลาดโลกมีความไม่แน่นอน และเศรษฐกิจอยู่ในสภาวะที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว แนวคิดในการถือเงินของเคนส์ John Maynard Keynes แนวคิดในการถือเงินของเคนส์ John Maynard Keynes คือ เป็นส่วนหนึ่งของทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ที่เรียกว่า “ทฤษฎีเศรษฐกิจสังคม” (The General Theory of Employment, Interest …………..อ่านเนื้อหากันเลย
ทฤษฎีปริมาณเงินของ Fisher คืออะไร ทฤษฎีปริมาณเงินของ Fisher คือ ทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์ที่อธิบายความสัมพันธ์กันของส่วนประกอบราคาและปริมาณของเงิน โดยทฤษฎีนี้ได้รับการสร้างขึ้นโดยนักเศรษฐศาสตร์ชาวอเมริกัน ชื่อว่า Irving Fisher ในปี 1911 ตามทฤษฎีปริมาณเงินของ Fisher จะบอกว่า ราคาสินค้าทั้งหมดในตลาดจะเปลี่ยนแปลงตามปริมาณของเงินที่มีอยู่ในระบบเศรษฐกิจ กล่าวคือ เมื่อปริมาณเงินเพิ่มขึ้น ราคาของสินค้าจะเพิ่มขึ้นด้วย และเมื่อปริมาณเงินลดลง ราคาของสินค้าก็จะลดลงด้วย ทฤษฎีนี้ได้รับความสนในและเป้นที่นิยมมากในการวิเคราะห์เกี่ยวกับอินเฟเลชั่นในระบบเศรษฐกิจ และได้ถูกนำไปใช้ในการอธิบายสาเหตุของเหตุการณ์เช่นว่าทำไมราคาของสินค้าถูกส่งต่อลดลงในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง หรือทำไมปริมาณเงินของตลาดต่างชาติถูกเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา อีกทั้ง ทฤษฎีปริมาณเงินของ Fisher เป็นทฤษฎีที่สำคัญมากในเศรษฐศาสตร์ เนื่องจากมีผลต่อการเข้าใจและการวิเคราะห์เกี่ยวกับอินเฟเคต์ของการเปลี่ยนแปลงปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจ นักเศรษฐศาสตร์ใช้ทฤษฎีนี้ในการวิเคราะห์สาเหตุของการเปลี่ยนแปลงของราคาและเงินเฟ้อในตลาดที่เกี่ยวข้องกัน ประวัติความเป็นมาทฤษฎีปริมาณเงินของ Fisher ทฤษฎีปริมาณเงินของ Fisher เป็นทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์ที่พัฒนาโดย Irving Fisher นักเศรษฐศาสตร์ชาวอเมริกัน ในปี 1911 มีโดยเป้าหมายหลักของทฤษฎีนี้ คือ “การอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างส่วนประกอบราคาและปริมาณของเงิน” Irving Fisher เกิดในปี 1867 ที่เมือง Saugerties ของรัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และได้รับการศึกษาทางเศรษฐศาสตร์จากที่แวมาว์ ที่มหาวิทยาลัยไฮส์ (Yale …………..อ่านเนื้อหากันเลย
กฏสินค้าราคาเดียว คืออะไร กฏสินค้าราคาเดียว (One Price Policy) คือ การกำหนดราคาสินค้าเท่ากันสำหรับทุกลูกค้า โดยไม่คำนึงถึงสถานะหรือการต่อรองของลูกค้า นั่นคือ ราคาสินค้าจะเหมือนกันทั้งสำหรับลูกค้าที่มีอำนาจในการต่อรองราคาและลูกค้าที่ไม่มีอำนาจในการต่อรองราคาเช่นกัน กฏนี้นิยมใช้ในธุรกิจที่มีการขายสินค้าในปริมาณมาก เช่น ร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า หรือร้านออนไลน์ เพราะจะช่วยลดความซับซ้อนในการจัดการราคาสินค้าและลดความเสี่ยงในการก่อกวนตลาดจากผู้ค้าคู่แข่งที่ขายสินค้าในราคาต่ำกว่า คำศัพท์ ที่เกี่ยวข้อง กฏสินค้าราคาเดียว (One Price Policy) ราคาสินค้า (Price) – จำนวนเงินที่ลูกค้าต้องจ่ายเพื่อเข้าถึงสินค้าหรือบริการ ลูกค้า (Customer) – บุคคลหรือกลุ่มผู้ซื้อสินค้าหรือบริการ อำนาจในการต่อรองราคา (Negotiating power) – ความสามารถในการต่อรองราคาของลูกค้า ธุรกิจ (Business) – กิจการที่ให้บริการหรือขายสินค้า ผู้ค้าคู่แข่ง (Competitors) – ธุรกิจที่ขายสินค้าหรือบริการที่คล้ายคลึงกันกับธุรกิจที่ใช้กฏสินค้าราคาเดียว ตลาด (Market) – กลุ่มผู้ซื้อและผู้ขายที่มีความสนใจในการซื้อหรือขายสินค้าและบริการ สถานการณ์ทางการตลาด (Market situation) – เหตุการณ์และสภาพแวดล้อมในตลาดที่ส่งผลต่อการขายสินค้าหรือบริการ ร้านสะดวกซื้อ (Convenience …………..อ่านเนื้อหากันเลย
ค่านิยมองค์กร คืออะไร ค่านิยมองค์กร (Organizational Values) คือ หลักการและความเชื่อที่สำคัญต่อองค์กรในการดำเนินงาน และกำหนดทิศทางการทำงานที่เหมาะสม ในการกำหนดค่านิยมองค์กร จะเป็นการกำหนดว่าองค์กรมีหลักการและความเชื่ออะไรบ้างที่มีความสำคัญต่อการดำเนินงาน ซึ่งอาจประกอบด้วยความเชื่อในการดำเนินงานด้วยความซื่อสัตย์ ความรับผิดชอบ ความยืดหยุ่น ความมุ่งมั่นในการพัฒนาตนเอง ความเป็นกันเอง หรือความเป็นกลาง โดยค่านิยมองค์กรจะมีผลต่อการทำงาน การตัดสินใจ การพัฒนา บุคลากร และการบริหารงานในองค์กร ซึ่งจะช่วยสร้างความเข้าใจร่วมกันระหว่างผู้ใช้งานในองค์กรและช่วยสร้างเอกลักษณ์ขององค์กร ค่านิยมองค์กร (Core Value) มีไว้ทำอะไร? Core Value ค่านิยมองค์กรส่วนใหญ่จะมีทุกองค์กร และแตกทางกันออกไป การมีค่านิยมองค์กร เพื่อรวมพลังความคิดและความเชื่อของทีมงานทุกคนให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน การสร้างค่านิยมในองค์กรค่านิยมองค์กร คืออะไร การสร้างค่านิยมในองค์กรค่านิยมองค์กรสามารถทำได้โดยการปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้: 1.วิเคราะห์และกำหนดเป้าหมายขององค์กร: ศึกษาและวิเคราะห์ความเหมาะสมของค่านิยมองค์กรเพื่อตอบสนองความต้องการขององค์กร โดยกำหนดเป้าหมายที่ต้องการที่จะให้ค่านิยมองค์กร และส่งเสริมการดำเนินงานในองค์กรได้ 2.สร้างค่านิยมองค์กร: โดยการจัดกิจกรรมส่งเสริมความเข้าใจและการยอมรับค่านิยมองค์กรในองค์กร เช่น การจัดโครงการอบรม การจัดกิจกรรมสัมมนา หรือการประชุมทีม 3.ให้กำลังใจ สนับสนุนในการปฏิบัติตามค่านิยมองค์กร: โดยการเสริมสร้างความซื่อสัตย์ และความสำเร็จในการดำเนินงานในองค์กร 4.ระบุและกำกับการปฏิบัติตามค่านิยมองค์กร: โดยเข้าใจและติดตามการปฏิบัติตามค่านิยมองค์กรโดยเฉพาะในการพัฒนาตนเองของพนักงานและการบริหารงานในองค์กร 5.ส่งเสริมและสนับสนุนค่านิยมองค์กร: โดยการรับรู้และแสดงค่านิยมองค์กรอย่างชัดเจนในทุกกิจกรรม …………..อ่านเนื้อหากันเลย